Kinect

Kinect เป็นการพัฒนาร่วมระหว่าง Rare (บริษัทลูกของ Microsoft Game Studios) และ PrimeSense (บริษัทสัญชาติ Israel) โดย Rare เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ ส่วน PrimeSense นั้นเป็นผู้พัฒนาระบบ Range Camera (กล้องที่มีสามารถความแตกต่างของระยะทางของวัตถุต่างๆในภาพ 2 มิติ) ซึ่งระบบ Range Camera นั้นสามารถวิเคราะห์อากัปกิริยาแสดงท่าทางของผู้ใช้ (Gestures Detection) และถูกนำมาใช้เป็นระบบควบคุมที่ไม่ต้องใช้มือจับต้อง (Hands-free Control) ระบบ Gestures Detection นั้นประกอบด้วย อินฟาเรดโปรเจคเตอร์ กล้อง และ ไมโครชิปที่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวแบบสามมิติของวัตถุหลายชิ้นหรือแต่ละชิ้นได้ในเวลาเดียวกัน

Microsoft ระบุว่า Kinect สำหรับ Xbox 360 นั้นสามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้สูงสุด 6 คน โดยมีผู้เล่นได้พร้อมกัน 2 คน และสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆของร่างกายผู้เล่นได้ทั้งหมด 20 จุด ทางด้าน PrimeSense นั้นระบุว่าจำนวนคนที่ระบบสามารถตรวจจับได้นั้นไม่จำกัด แต่จะถูกจำกัดโดยพื้นที่ที่กล้องสามารถจับภาพได้

ส่วนประกอบของ Kinect นั้นประกอบด้วย

  1. มอเตอร์ที่สามารถเคลื่อนไหวขึ้นลง
  2. กล้อง RGB (RGB Camera)
  3. เซ็นเซอร์วัดระยะ (Depth Sensor)
  4. ไมโครโฟน 4 ตัว (Multi-array Microphone)

ระบบต่างๆที่ Kinect รองรับ

  1. ตรวจจับการเคลื่อนไหว 3 มิติแบบเต็มตัว (Full-body 3D Motion Capture)
  2. จดจำใบหน้า (Facial Recognition)
  3. จดจำเสียง (Voice Recognition)

หลักการทำงานของระบบตรวจวัดระยะ

ในการวัดระยะหรือความลึกของวัตถุต่างๆนั้นอาศัยการทำงานของอุปกรณ์เซ็นเซอร์วัดระยะ (Depth Sensor) ซึ่งประกอบอุปกรณ์ 2 ชนิดคือ Infrared Laser Projector และ Monochrome CMOS Sensor โดยตัว Infrared Laser Projector จะส่งแสงอินฟราเรดไปกระทบกับวัตถุที่อยู่ในแนวรัศมี เมื่อแสงอินฟราเรดกระทบกับวัตถุก็จะสะท้อนกลับมาที่ตัวรับ Monochrome CMOS Sensor จากนั้นซอฟต์แวร์ก็จะคำนวณระยะทางอาศัยเวลาการเดินทางของแสงอินฟราเรด

Kinect สำหรับ Windows

ทางบริษัท Microsoft ได้ปล่อยชุดดีเวลลอป (Software Development Kit, SDK) สำหรับ Windows 7 เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2554 ซึ่งตัว SDK นี้จะมีไดร์เวอร์ต่างๆของ Kinect สำหรับคอมพิวเตอร์พีซีรวมอยู่ด้วย ซึ่งโปรแกรมที่สามารถนำมาใช้พัฒนาแอปพิเคชั่น Kinect ได้แก่ C++ C# และ Visual Basic ส่วนฟีเจอร์ต่างๆที่ถูกรวมไว้ใน SDK ด้วย ได้แก่

  1. Raw Sensor Streams สำหรับการนำข้อมูลดิบที่ได้จากเซ็นเซอร์ต่างๆไปใช้งาน
  2. Skeletal Tracking สำหรับติดตามโครงร่างของมนุษย์ ซึ่งสามารถติดตามได้สูงสุด 2 คนพร้อมกัน ความโดดเด่นของฟีเจอร์นี้คือ สามารถนำไปพัฒนาเป็นแอปพิเคชั่นความคุมด้วยท่าทาง (Gestures Control)
  3. Advanced Audio Capabilities ใช้ในการจำแนกเสียงต่างๆ ซึ่งสามารถกำจัดเสียงรบกวนต่างๆ (Nouse Suppression and Echo Cancellation) และแยกเสียงของแต่ละบุคคลได้ ซึ่งฟีเจอร์นี้สามารถไปนำไปพัฒนาเป็นการควบคุมด้วยเสียง (Voice Recognition)
  4. โค้ดโปรแกรมตัวอย่าง และ เอกสารประกอบ

System Requirements

  1. ระบบประมวลผลแบบ 32 หรือ 64 บิต
  2. ระบบประมวลผลขั้นต่ำ Dual-core 2.66 GHz
  3. ช่อง USB 2.0 (ห้ามใช้ร่วมกับอุปกรณ์อื่น)
  4. หน่วยความจำอย่างต่ำ 2 GB
  5. ระบบปฏิบัติการ Windows 7

การพัฒนาแอปพิเคชั่นนั้นสามารถใช้ได้ทั้ง Kinect ที่มากับเครื่อง Xbox 360 หรือจะใช้ Kinect สำหรับ Windows โดยราคาของ Kinext สำหรับ Xbox นั้นจะมีราคาถูกกว่ามาก หากใช้ Kinect ที่มาพร้อม Xbox รุ่นที่เป็น Xbox 360 (slim + kinect) หรือ Xbox 360 (slim) ต้องใช้อุปกรณ์เสริมคือ Kinect Power Cable เพราะว่าไม่มีแถมมาให้ แต่ถ้าเป็น Xbox 360 รุ่นเก่าก็จะมาพร้อมสาย USB และ สาย Power ซึ่งพร้อมใช้งานได้ทันที

ส่วนความแตกต่างระหว่างของเวอร์ชั่นสำหรับ Xbox กับ Windows คือ Kinect สำหรับ Windows นั้นสามารถนำไปพัฒนาเพื่อธุรกิจได้ และ ระบบ Near Mode นั้นจะใช้ได้แต่ในรุ่นที่เป็น Windows เท่านั้น เพราะรุ่น Windows สามารถใช้งานได้ระยะใกล้สุดคือ 40 เซ็นติเมตร แต่รุ่น 360 ใช้ได้ใกล้สุดที่ 80 เซ็นติเมตร ส่วนฮาร์ดแวร์อื่นๆนั้นแตกต่างกันเล็กน้อย

 4,124 total views,  3 views today